ฟอร์จูนไชน่าจัดลำดับไฮบวงสรวงส์ขึ้นแท่นบริษัทมีอิทธิพลด้าน ESG รายปี 66

ไฮสังเวยส์ (Hisense) ติดอันดับหนึ่งในบริษัทมีอำนาจด้าน ESG โดยฟอร์จูน ไชน่า (Fortune China’s ESG Influential Listing) ด้วยผลงานสำหรับการสร้างความร่วมแรงร่วมใจด้านการศึกษา

ธุรกิจ ทำการค้นคว้าและทำการวิจัยแล้วก็ปรับปรุงเทคโนโลยี การสร้าง แล้วก็ห่วงโซ่อุปทาน บริษัทที่ได้รับเลือกให้ติดอันดับดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจำเป็นต้องชี้ให้เห็นถึงความบากบั่นอย่างชัดเจนสำหรับการแก้ไขสภาพแวดล้อม คุ้มครองป้องกันบุคลากร และก็เกื้อหนุนชุมชน และกำลังตรวจสอบทางผลักดันการเจริญเติบโตที่ยืนนานและก็ครอบคลุมทั่วถึง สำหรับไฮสังเวยส์นั้น บริษัทให้ความใส่ใจกับความรับผิดชอบต่อสังคมเยอะขึ้นเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอ (ผ่านการช่วยสนับสนุนวิธีการ คาร์บอนคู่ขนาน” หรือ Dual Carbon ของจีนแล้วก็ตระหนักถึงจุดสำคัญของความมานะบากบั่นในสุดยอดไม่ใช่แค่ในภูมิภาคทวีปเอเชีย เพื่อประโยชน์ของประเทศอื่นๆทั้งโลก รายงานการจัดชั้นผู้มีอิทธิพลด้าน ESG รายปี 2566 โดยฟอร์จูน ไชน่า กล่าวว่า ในปีนี้ ไฮสังเวยส์ได้รับการชมเชยเป็นพิเศษจากการนำระบบตึกของจีนที่มี โซล่าเซลล์ ระบบเก็บกักพลังงาน ไฟกระแสตรง แล้วก็ความยืดหยุ่น (Solar photovoltaic, Energy storage, Direct current and Flexibility หรือ PEDF) มาใช้ประดิษฐ์ระบบปรับอากาศศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับสูงที่บริษัทปรับปรุงขึ้นเอง 

ฟอร์จูนไชน่าจัดลำดับไฮบวงสรวงส์ขึ้นแท่นบริษัทมีอิทธิพลด้าน ESG รายปี 66

ซึ่งความเจริญก้าวหน้านี้ช่วยในการเปลี่ยนระบบปรับอากาศที่รับประทานไฟมากมายให้แปลงเป็นสถานีถ่ายโอนระบบพลังงานแบบกระจัดกระจาย 

ซึ่งช่วยไขปัญหาการกินไฟมากมายรวมทั้งการปลดปล่อยคาร์บอนสูงของแอร์แบบเดิม ข่าวธุรกิจ นับเป็นความเสร็จสำหรับเพื่อการประดิษฐ์ของใหม่ด้านเทคนิคของอุตสาหกรรมแอร์ ยิ่งไปกว่านี้ ไฮบวงสรวงส์ยังได้ปรับปรุงแก้ไขความสามารถการใช้น้ำและก็การลดมลพิษทางน้ำในส่วนต่างๆตั้งแต่การเลือกที่ตั้งโรงงาน การจัดการเปลี่ยนทางด้านเทคนิค ไปจนกระทั่งการเลือกผู้สนับสนุนด้านการสร้างรวมทั้งห่วงโซ่อุปทาน ช่วงเวลาเดียวกัน บริษัทได้ผลักดันวิธีการรีไซเคิลน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมในรอบๆใกล้เคียง เพิ่มอัตราการนำน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมกลับมาใช้ รวมทั้งลดการใช้น้ำใหม่อย่างสม่ำเสมอ

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ซอสภูเขาทองคำ มั่งมีขนาดไหน? ราคาธุรกิจกว่าหมื่นล้าน

ซอสภูเขาทองคำ มั่งมีขนาดไหน? ราคาธุรกิจกว่าหมื่นล้าน

วันที่ เดือนพฤษภาคม 2566 หากให้เอ่ยชื่อแบรนด์เครื่องปรุงรสในครอบครัวไทยของทุกบ้าน มั่นใจว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ “ภูเขาทองคำ” ที่ทุกคนจำต้องแย่งกันตอบแน่ๆ

ธุรกิจ รวมทั้งทราบไหมว่าแบรนด์เทือกเขาทองคำนั้น อยู่กับครอบครัวไทยมานานเกือบจะ 70 ปีแล้ว หรือตั้งแต่ปี 2497 โดยที่รู้จักรวมทั้งรู้จักกันดีเป็น ซอสแต่งรสฝาเขียว” ยี่ห้อเทือกเขาทองคำ ที่เกือบทุกบ้านควรมีติดไว้ ซึ่งปัจจุบันนี้ผลิตแล้วก็จัดจำหน่ายสินค้าอยู่ภายใต้บริษัท ไทยเทวดารส จำกัด (มหาชนโดยมีเจ้าของเป็นเชื้อสาย “วิญญรัตน์” ซึ่งขึ้นทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไทยมานานกว่า 28 ปีแล้ว โดยเข้าไอพีโอเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2538 โดยใช้ชื่อย่อหุ้นว่า SAUCE ตอนนี้ได้ขยายอาณาจักรผลิตรวมทั้งขายสินค้าเครื่องปรุงรสของกิน ภายใต้ตรา เทือกเขาทองคำ” อีกทั้งซอสแต่งรส ซอสพริก น้ำส้มสายชูกลั่น ซอสมะเขือเทศ ซอสพริกผสมมะเขือเทศ ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซอสผง ซีอิ๊วผง ซอสพริก ยี่ห้อศรีราชาพานิช แล้วก็ซีอิ๊วประเทศญี่ปุ่น ยี่ห้อ คินซัน จนกระทั่งสร้างรายได้หลายพันล้านต่อปี มีมูลค่าธุรกิจหรือขนาดมาร์เก็ตแคปกว่า 11,790 ล้านบาท (ข้อมูลใน28 เม.ย.2566)

ซอสภูเขาทองคำ มั่งมีขนาดไหน ราคาธุรกิจกว่าหมื่นล้าน

วันนี้ ประเทศชาติธุรกิจออนไลน์” จะพาไปส่องงบการเงินของ ไทยเทวดารส” ในตอน ปีที่ล่วงเลยไป (2561-2565) ว่ามีอัตราการเจริญเติบโตรวมทั้งมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน

รายได้ปีละ 2-3 พันล้าน โดยอ้างอิงข้อมูลตลาดค้าหุ้นที่เมืองไทย (ตลท.) ข่าวธุรกิจ พบว่าในตอน ปีที่ล่วงเลยไป SAUCE มีรายได้ราว 2-3 พันล้านบาทต่อปี
ปี 2561 มีรายได้ 2,864 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 2,929 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้ 2,960 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้ 3,134 ล้านบาท
ปี 2565 มีรายได้ 3,303 ล้านบาท
ผลกำไรปีละ 400-600 ล้าน
แล้วก็พบว่ามีการเติบโตของผลกำไรเกือบทุกปี หรือมีผลกำไรโดยประมาณ 400-600 ล้านบาทต่อปี
ปี 2561 มีผลกำไร 437 ล้านบาท
ปี 2562 มีผลกำไร 445 ล้านบาท
ปี 2563 มีผลกำไร 543 ล้านบาท
ปี 2564 มีผลกำไร 618 ล้านบาท
ปี 2565 มีผลกำไร 632 ล้านบาท
ยอดจำหน่ายในประเทศกว่า 2.5 พันล้าน โดยปี 2565 ก่อนหน้านี้มีผลกำไรเติบโตขึ้น 2.12% เทียบเคียงจากตอนเดียวกันปีกลาย (YOY) โดยมียอดจำหน่ายในประเทศปี 2565 อยู่ที่ 2,494 ล้านบาท มากขึ้น 103.57 ล้านบาท หรือ +4.33% ส่วนมากจากในวิถีทางการจัดจําหน่ายจากพ่อค้าขายส่ง (ยี่ปั๊วมากขึ้น 32.11 ล้านบาท หรือ +2.92% โมเดิร์นเทรด 

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : เปิดเส้นชัย ‘ต๊อบ-อำนาจพัทธ์’ ปีที่ 21 นำ ‘เถ้าแก่น้อย’ชนะใจคนทั้งโลก

เปิดเส้นชัย ‘ต๊อบ-อำนาจพัทธ์’ ปีที่ 21 นำ ‘เถ้าแก่น้อย’ชนะใจคนทั้งโลก

ตลาดสาหร่ายไทยค่า 3,000 ล้านบาทมีชีวิตชีวา เถ้าแก่น้อย วางแผนการ ทั้งยัง Go Board Go Global การใช้ Idol Marketing เปิดช้อปเถ้าแก่น้อยแลนด์ มุ่งทำตลาดเทรดดิชั่นนอเทรด

ข่าวธุรกิจ เชื่อมั่นรักษาหัวหน้าตลาดสาหร่าย ‘ต๊อบ อำนาจพัทธ์’ รีบสร้างแบรนด์สู่โกลบอล แบรนด์เถ้าแก่น้อยที่อยู่ในตลาดไทยมาเป็นระยะเวลาร่วม 20 ปี จากผู้จัดตั้งนักธุรกิจแบบใหม่ไฟแรง “ต๊อบ อำนาจพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” สร้างแบรนด์ เถ้าแก่น้อย ในช่วงอายุ 19 ปี ที่มีแรงดลใจ สร้างธุรกิจนี้ขึ้นมา เพราะครอบครัวเจอปัญหาหนี้รวม 40 ล้านบาทก็เลยต้องการช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งจากความจริงจังและก็พากเพียร ทำความเข้าใจและก็ปรับปรุงสูตรสาหร่าย ทำให้ธุรกิจเล็กนี้มีการเติบโตสู่ธุรกิจเถ้าแก่น้อยหมื่นล้านบาท พร้อมก้าวสู่การเป็นแบรนด์หัวหน้าตลาดสาหร่ายในไทย ด้วยส่วนแบ่งตลาดโดยประมาณ 65% รวมทั้งเป็นหัวหน้าตลาดสาหร่ายไทยในทุกเชคเม้นท์ สำหรับตลาดสาหร่ายในไทยมีมูลค่ามากยิ่งกว่า 3,000 ล้านบาท ฤทธิ์พัทธ์ พีระเดชาพันธ์” ประธานข้าราชการบริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชนพูดว่า แนวโน้มภาพรวมตลาดสาหร่ายในปี 2566 มีลักษณะท่าทางที่ขยายตัวดียิ่งขึ้นตลอด จากนักเดินทางที่กลับมาเข้ามาในประเทศมากยิ่งขึ้น รวมทั้งกำลังซื้อในประเทศไทยที่เริ่มกลับมาฟื้นแล้ว ทำให้บริษัทได้จัดเตรียมแผนหน่วยงานครั้งใหญ่ เพื่อคิดแผนสร้างหน่วยงานเติบโตระยะยาว เปิดเส้นชัย ‘ต๊อบอำนาจศักดิ์สิทธิ์พัทธ์’ ปีที่ 21 นำ เถ้าแก่น้อยครอบครองใจคนทั่วทั้งโลก วิธีการการขยายในไทย จะใช้อีกทั้ง Go Board และก็ Go Global กับการขยายตลาดไทยรวมทั้งตลาดต่างถิ่น 

เปิดเส้นชัย 'ต๊อบ-อำนาจพัทธ์' ปีที่ 21 นำ 'เถ้าแก่น้อย'ชนะใจคนทั้งโลก

โดยการใช้ Go Board ที่จะขยายฐานธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และก็ตลาดในไทยให้กว้างขึ้น ทำให้ในตอนต้นปีให้หลัง บริษัทได้มีการแต่งผู้สนับสนุนศูนย์กระจัดกระจายผลิตภัณฑ์รวม 14 ที่ทั่วทั้งประเทศ

ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในแต่ละพื้นที่ เพื่อครอบคลุมวิถีทางขายปลีกแบบเริ่มแรก หรือ ข่าวธุรกิจ เทรดดิชั่นนอล เทรดให้ลึกขึ้น จากเดิมเป็นบริษัท ดีเคเอชเอส พร้อมมีการปรับแผนใหม่ที่กลับมาเปิด เถ้าแก่น้อยแลนด์” อาณาจักรสาหร่ายเถ้าแก่น้อย แบบ One Stop Shopping ปริมาณ สาขาในปีนี้ โดยปรับการเปิดสาขาให้มีขนาดเล็กลงพื้นที่ 50 ตำรวจมัธยม จากเดิมพื้นที่ขนาดใหญ่ 200-300 ตำรวจมัธยม ซึ่งได้เปิดสาขาที่ ทวีปเอเชียคราวค เป็นสาขาแรก พบว่าผลตอบรับดีเยี่ยม เพราะเหตุว่ากรุ๊ปลูกค้า จากประเทศอาเซียนสนใจผลิตภัณฑ์สูงมากมาย ทั้งยังจากมาเลเซีย ประเทศเกาหลี ใต้วัน แล้วก็อินโดนีเซีย ที่เปลี่ยนเป็นกรุ๊ปลูกค้าหลักรูปร่างโดยประมาณ 80% จากเดินร้านค้าจะมีลูกค้าหลักเป็น นักเดินทางจีน 90% แม้กระนั้นในขณะนี้ยังกลับมาไม่เต็มกำลัง ในตอนวัววิด ได้ปิดร้านค้าเถ้าแก่น้อยแลนด์ ที่มีอยู่ 10 สาขา โดยยอดจำหน่ายของร้านค้าในตอนก่อนหน้าที่ผ่านมา จะอยู่ที่ 300 ล้านบาท เนื่องด้วยมีค่าใช้จ่ายระดับค่อนข้างสูง แม้กระนั้นการปรับมาเปิดร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ใหม่ในปีนี้ จะย้ำขนาดพื้นที่เล็กลง รวมทั้งย้ำผลิตภัณฑ์เฮ้าส์แบรนด์ของเถ้าแก่น้อย ที่สร้างยอดจำหน่ายและก็กำไรดีในเวลาเดียวกันนี้ จะรุกการเปิดช้อปใหม่ที่เปิดเป็น คอร์นเนอร์ ขนาดเล็ก ตามพื้นที่ต่างๆมากเพิ่มขึ้น ภายใต้วิธีการป่าล้อมเมือง เพื่อทำให้ทำให้บริษัทสามารถดูแลค่าครองชีพและก็บริหารจัดแจงทุนได้ดิบได้ดีขึ้น นอกเหนือจากนี้บริษัทได้มุ่งบริหารจัดแจงระบบการผลิตใหม่ โดยปรับลดปริมาณบุคลากรที่มีอยู่ 3,000 คน ให้เหลือ 2,000 คน เพื่อการสร้างกำเนิดสมรรถนะสูงสุดและก็การจัดการจัดแจงเงินลงทุน

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : เซเว่นฯ ดึง ‘แจ็คสัน หวัง’ ร่วมโปรโมตผลิตภัณฑ์ SME พา Soft Power ไทยดังไกลไปทั้งโลก

เซเว่นฯ ดึง ‘แจ็คสัน หวัง’ ร่วมโปรโมตผลิตภัณฑ์ SME พา Soft Power ไทยดังไกลไปทั้งโล

เซเว่น อีเลฟเว่น ดึงนักแสดงสุดยอด แจ็คสัน หวัง” โปรโมผลิตภัณฑ์ SME ไทย กรุ๊ป ทั้งยังของกินไทยขนมไทยโบราณเครื่องดื่มข้าวของเครื่องใช้

ธุรกิจ รวมกว่า 1,000 รายการ ผลักดันผลิตภัณฑ์ SME ไทยดังไกลไปทั่วทั้งโลก นายยุทธอำนาจ ภูเขามิสุรกุล ประธานข้าราชการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชนประธานเซเว่น อีเลฟเว่น รวมทั้งเซเว่น เดลิเวอปรี่ พูดว่า เอสเอ็มอี นับว่าเป็นเฟืองสำคัญสำหรับเพื่อการเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่บริษัทตระหนักถึงจุดสำคัญตลอดมา พร้อมเกื้อหนุนภายใต้แนวนโยบาย SME โตไกลไปร่วมกัน” ตามแผนการ ให้ มี 1.ให้วิถีทางขาย 2.ให้ความรู้ความเข้าใจ รวมทั้ง 3.ให้การเชื่อมโยงโครงข่าย ปัจจุบัน ได้ดึงนักแสดงดังสุดยอด แจ็คสัน หวัง” คนที่หลงใหลในความเป็นเอกราชรวมทั้งของกินไทย มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมเกื้อหนุนผลิตภัณฑ์ SME ไทยกว่า 1,000 รายการ ภายใต้ กรุ๊ป มี 1.ของกินไทย 2.ขนมไทยโบราณ 3.เครื่องดื่ม และก็ 4.ข้าวของเครื่องใช้ ให้มีชื่อเสียงในสุดยอด

เซเว่นฯ ดึง ‘แจ็คสัน หวัง’ ร่วมโปรโมตสินค้า SME พา Soft Power ไทยดังไกลไปทั่วโลก

ผลิตภัณฑ์ SME ไทยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแล้วก็มีเอกลักษณ์ไม่แพ้ชาติใดในโลก นับว่าเป็น Soft Power ที่เข้มแข็งของประเทศ 

สิ่งจำเป็นที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ SME ไทยไปต่อได้ เป็นจังหวะสำหรับเพื่อการได้รับการมองมองเห็นจาก ข่าวธุรกิจ ทั้งคนไทยรวมทั้งคนทั่วทั้งโลก เซเว่นฯ ในฐานะหน่วยงานที่ให้การส่งเสริม ช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจ SME ในทุกมิติ ก็เลยได้ดึง แจ็คสัน หวัง ซึ่งเป็นนักแสดงสุดยอดที่มีคู่รักคลับแน่นแฟ้น มียอดผู้ติดตาม Instagram มากยิ่งกว่า 31 ล้านคนทั้งโลก และก็ติดอกติดใจของกินไทย มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ SME ช่วยทำให้ปรับผลิตภัณฑ์ SME ไทยมีชื่อเสียงต่อสายตาชาวโลกมากขึ้นอย่างก้าวกระโจน รองรับช่องทางนักเดินทางเดินทางกลับมาท่องเที่ยวไทยอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : VinFast เปิดตัวแท็กซี่ EV ครั้งแรกในเวียดนาม

VinFast เปิดตัวแท็กซี่ EV ครั้งแรกในเวียดนาม

VinFast เปิดตัวรถแท็กซี่กำลังไฟฟ้าในเวียดนาม ตอบรับรัฐบาลวางเป้าแปลงแท็กซี่ทุกคันเป็นรถยนต์กำลังไฟฟ้าข้างในปี 2050

ธุรกิจ โดยวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (14 เม.ย.) ชาวเวียดนามจะได้มองเห็นขบวนรถแท็กซี่สีฟ้า ออกมาวิ่งรับผู้โดยสาร ภายหลังที่รัฐบาลพากเพียรส่งเสริมให้ต่อรถแท็กซี่ในประเทศมาใช้รถยนต์กำลังไฟฟ้า (EV) โดยตั้งเป้าหมายให้รถแท็กซี่ใหม่ทุกคันใช้รถยนต์ EV ตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป รวมทั้งต่อรถแท็กซี่ทั้งประเทศให้เป็นรถยนต์ EV ทั้งหมดทั้งปวงข้างในปี 2050 แม้กระนั้นยังไม่ทันกำลังจะถึงปีที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ ปัจจุบัน VinFast แบรนด์รถยนต์กำลังไฟฟ้ารายใหญ่ของเวียดนาม ได้ตอบรับหลักการดังที่กล่าวมาข้างต้น ด้วยการจัดตั้งบริษัทลูกที่ใหม่ Green and Smart Mobility (GSM) มาให้บริการรถแท็กซี่กระแสไฟฟ้าในเวียดนาม ในระยะต้น GSM มีแผนสำหรับการจะเริ่มให้บริการด้วยรถยนต์กำลังไฟฟ้า GSM ปริมาณ 600 คันในกรุงฮานอย รวมทั้งจะขยายบริการไปยังเมืองอื่นๆอีก 5 ที่

VinFast เปิดตัวแท็กซี่ EV ครั้งแรกในเวียดนาม

ข้างในปี 2023 ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำให้ GSM เปลี่ยนมาเป็นผู้ให้บริการรถแท็กซี่กำลังไฟฟ้าเต็มแบบอย่าง (All-EV) รายแรกในเวียดนาม

ระหว่างที่ผู้ให้บริการแท็กซี่ที่เป็นคู่ต่อสู้อย่าง ไหม หลิน (Mai Linh) ก็กำลังคิดแผนจะเปลี่ยนแปลงมาใช้รถยนต์ ข่าวธุรกิจ กำลังไฟฟ้าอย่างเดียวกัน ดังนี้ Vingroup บริษัทแม่ของ VinFast เจาะจงในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนามว่า VinFast บางทีอาจได้ประโยชน์จากความอยากรถยนต์ EV ของพวกเรา ตัวอย่างเช่น GSM ด้านรัฐบาลเวียดนามโพสต์บนเว็บเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ค่าไฟฟ้าที่คงเดิมทำให้รถยนต์กำลังไฟฟ้าถูกเห็นว่า เป็นตัวเลือกที่ดียิ่งกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันสำหรับการให้บริการเป็นรถแท็กซี่ รวมทั้งสัมพันธ์แท็กซี่ฮานอยก็กำลังเรียนรู้การนำรถยนต์กำลังไฟฟ้ามาใช้ แม้กระนั้นการเปลี่ยนมาเป็นแท็กซี่กำลังไฟฟ้า จำต้องมีการขยายองค์ประกอบเบื้องต้นสถานีชาร์จให้พอเพียง

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ธุรกิจอัดโปรฯ แรง กระตุ้นกำลังซื้อนักช้อปไทย ทัวริสต์ ดันมู้ดต่อเนื่องปี 66

ธุรกิจอัดโปรฯ แรง กระตุ้นกำลังซื้อนักช้อปไทย ทัวริสต์ ดันมู้ดต่อเนื่องปี 66

ภาคธุรกิจ เดินหน้าปลุกมู้ดไฮซีซัน อัดฉีดงบ ระดมสารพัดกลยุทธ์โหมโปรฯ หนัก กระตุ้นกำลังซื้อชาวไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติ

ธุรกิจ หวังสร้างแรงส่งต่อเนื่องปีหน้า หวั่นปัจจัยลบทุบภาคผลิต เกษตร แผ่ว ค่ายบัตรเครดิต ลุยแคมเปญส่งท้ายปีหลังยอดใช้จ่ายเริ่มกลับมาเท่าก่อนโควิด
สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายทั่วโลก การเดินทางระหว่างประเทศเริ่มคึกคัก ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่งผลนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือนไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เสริมกำลังซื้อในประเทศห้วง “ไฮซีซัน” โค้งสุดท้ายในการเก็บเกี่ยวยอดขาย ผู้ประกอบการค้าปลีก สินค้า บริการ ต่างอัดฉีดงบการตลาดก้อนใหญ่ทำโปรโมชั่นช่วงชิงกำลังซื้อเหนือคู่แข่ง นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์จับจ่ายมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง จากทราฟฟิกภายในศูนย์การค้าทั่วประเทศกลับมาแล้วเกือบ 100% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาเยือนไทยต่อเนื่อง ขณะที่ชาวไทย 90% วางแผนท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อพักผ่อนกับครอบครัว และเลือกแหล่งท่องเที่ยวจากความสะดวกในการเดินทางเป็นหลัก หนุนให้เกิดการใช้จ่าย ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมส่งเสริมและตอกย้ำไทยเป็นแลนด์มาร์คระดับโลก ด้วยความแข็งแกร่งของสาขาที่มีทั่วประเทศให้เป็นพื้นที่สำหรับฉลองเทศกาลความสุขให้คนไทยทั่วประเทศ โดย “เซ็นทรัลพัฒนา” ใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านบาททำการตลาดเชิงรุกช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ผ่านแคมเปญ Embracing Happiness 2022 มีกิจกรรม และโปรโมชั่นต่างๆ กระตุ้นกำลังซื้อ หนุนภาพรวมการท่องเที่ยวไทยและภาคค้าปลีกไทยกลับมาฟื้นตัว นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัดผู้บริหารห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า เดอะมอลล์, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์กล่าวว่าบรรยากาศใช้จ่ายขณะนี้ เป็นช่วงสำคัญที่สุดของธุรกิจค้าปลีกที่เข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลอง มีการจับจ่ายคึกคักที่สุดของปี มีปัจจัยบวกสำคัญจากการเดินทางมาเยือนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มีไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญ

ธุรกิจอัดโปรฯ แรง กระตุ้นกำลังซื้อนักช้อปไทย ทัวริสต์ ดันมู้ดต่อเนื่องปี 66

หลังการระบาดใหญ่โควิด ผู้คนต่างตื่นเต้นที่จะเริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง มีความเคลื่อนไหวในกิจกรรมต่างๆ ตามปกติมากขึ้น ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ สินค้าและบริการ

ในห้วงแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งเป็นปีแรกของการส่ง ข่าวธุรกิจ ความสุขเต็มรูปแบบจะเห็นว่า ปีนี้ผู้ค้าปลีกพร้อมจัดเต็มส่งมอบความสุข โดยเฉพาะ “เดอะมอลล์” จัดสรรงบกว่า 300 ล้านบาท จัดแคมเปญ “The Great Happy New Year 2023” ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.2565 ถึง 12 ม.ค. 2566 หากประเมินจากยอดขาย และจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการเวลานี้กลับมาเทียบเท่าปี 2562 และหลายกลุ่มสินค้าเติบโตสูง เดอะมอลล์ คาดว่าปีนี้จะปิดยอดขายที่ 50,000 ล้านบาทตามเป้า พร้อมเปิดเกมรุกต่อเนื่องปีหน้าที่จะพลิกโฉม 2 สาขาใหญ่ บางกะปิ และบางแค ให้แล้วเสร็จก่อนปลายปี 2566 เพื่อทันช่วงเฉลิมฉลองสู่ปี 2567 อีกด้วย นางสรัลธร อัศเวศน์ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า หากพิจารณาจากผลประกอบการศูนย์การค้ากลุ่มวันสยาม (สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน) 9 เดือนแรกของปี 2565 สูงกว่า 9 เดือนแรกของปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนวิกฤติโควิด ปีนั้นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นสัดส่วนมากถึง 20-30% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด สะท้อนถึงกำลังซื้อภายในประเทศที่มีทิศทางบวกในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ โดยเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ครั้งนี้ ชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กลับมาฉลองอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้นโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของรัฐบาล รวมทั้งแนวโน้มการค้าการลงทุนในประเทศที่ส่งผลให้เศรษฐกิจมีสัญญาณบวก ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงพร้อมออกมาจับจ่ายทั้งนี้ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์จัดสรรงบกว่า 500 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์ Global Collaboration ผนึกกำลังแบรนด์ระดับโลก Smiley ร่วมคอลลาบอเรชั่นในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งมหาปรากฏการณ์มหัศจรรย์ความสุขส่งท้ายปี “ICONSIAM Magical Enchanted Celebration” ด้วยงานอีเวนต์และความบันเทิงระดับโลกในฐานะ Global Countdown Destination จุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาร่วมสร้างความคึกคักนายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด(มหาชน) และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคปี 2566 คาดการณ์ปรับตัวดีขึ้น จากแรงส่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว เพิ่มจับจ่ายใช้สอย มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ต่อเนื่องจากปี 2565 ซึ่งห้างค้าปลีกบิ๊กซี ที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว สร้างยอดขายเติบโตขึ้น 25% และปีหน้าคาดว่าจะโตยิ่งขึ้น

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ตระกูลเจียอาภา เปิดโรงแรม Andaz พัทยา พักคืนละ 5 แสน บริการรถโรลส์-รอยซ์ 

ตระกูลเจียอาภา เปิดโรงแรม Andaz พัทยา พักคืนละ 5 แสน บริการรถโรลส์-รอยซ์

“ณฤทธิ์ เจียอาภา” เจ้าพ่อส่งออกกุ้ง ทุ่มกว่า 5 พันล้านปักหมุดโรงแรม Andaz แบรนด์โรงแรมสุดหรูระดับโลกในเครือไฮแอท

ธุรกิจ บนพื้นที่ 38 ไร่หาดจอมเทียน เมืองพัทยา รองรับกลุ่ม “เซเลบ-นักธุรกิจ-ลักชัวร์รี่แฟมมิลี่” โซนบ้านทรงไทย 6 ห้องนอนพร้อมสระว่ายน้ำ สวนส่วนตัวราคาคืนละ 5 แสนบาท พร้อมบริการแขกเข้าพักทุกคนด้วยรถยนต์โรลส์รอยส์ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 นายณฤทธิ์ เจียอาภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (Seafresh Industry PCL) ผู้นำธุรกิจแปรรูปและส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งแช่แข็ง และเจ้าของโรงแรมแอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช (Andaz Pattaya Jomtien Beach) เปิดเผยว่า ครอบครัวเจียอาภา ได้ลงทุนกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5,300 ล้านบาท ในธุรกิจโรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์ Andaz Pattaya Jomtien Beach บนที่ดิน 38 ไร่ ริมหาดตะวันรอน (หาดจอมเทียน) เมืองพัทยา โรงแรมแห่งนี้เป็นรีสอร์ตระดับ 5 ดาว เน้นลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์เป็นหลัก ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ กลุ่มนักธุรกิจ เซเลบิตี้ นักกอลฟ์ รวมถึงครอบครัวรุ่นใหม่ โดยเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ “แบรนด์ Andaz เป็นแบรนด์โรงแรมระดับโลก การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมโรงแรมระดับลักชูรี่เมืองพัทยาและของไทยครั้งใหญ่” นายณฤทธิ์กล่าว และว่าโรงแรมแอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช เป็นรีสอร์ตแบรนด์ Andaz แห่งแรกในประเทศไทย มีห้องพักและห้องสวีทรวมทั้งสิ้น 204 ห้อง (ขนาดเริ่มต้น 50 ตารางเมตร) แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ซึ่งเชื่อมถึงกันด้วยสวนเขียวชอุ่ม ตกแต่งภายด้วยกลิ่นอายของความเป็นไทยท้องถิ่น มาพร้อมห้องอาบน้ำแบบเรนชาวเวอร์ขนาดใหญ่ และระเบียงพร้อมเตียงสำหรับเอนหลัง ประกอบด้วยห้องพักหลายประเภท อาทิ ห้องติดสระลากูน (Lagoon Access) ซึ่งอยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ ห้องพูลสวีท (Pool Suites) ที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ห้องสวีทริมทะเล (Beachfront Suites) บนหาดทรายขาวละเอียด รวมถึงบ้านทรงไทยประยุกต์ ซึ่งได้รับการดัดแปลงเป็นที่พักที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโรงแรม ได้แก่ “Manor House” วิลล่า 2 ชั้น 4 ห้องนอน และ “Presidential Heritage House” บ้านทรงไทย 6 ห้องนอนสุดตระการตา โดยวิลล่าและบ้านทรงไทยทั้งสองนี้มีสระว่ายน้ำและสวนส่วนตัวที่สร้างประสบการณ์ของผู้เข้าพักให้เสมือนชาวชุมชนท้องถิ่นที่ใช้ชีวิตที่นี่มายาวนาน

ตระกูลเจียอาภา เปิดโรงแรม Andaz พัทยา พักคืนละ 5 แสน บริการรถโรลส์-รอยซ์

โดยราคาห้องพักเริ่มต้นโดยเฉลี่ย 15,000 บาทต่อคืน ราคาสูงที่สุดคือโซน “Presidential Heritage House” บ้านทรงไทย 6 ห้องนอน ราคา 500,000 บาทต่อคืน

นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังจะได้เติมเต็มประสบการณ์พักผ่อนด้วยอาหารเลิศรสถึง 6 ร้าน ได้แก่ “Wok Wok” ร้านอาหารไทยรสชาติต้นตำรับ “La Cucina” ห้องอาหารสไตล์ “Trattoria” แบบอิตาเลียนขนานแท้ “Village Butcher” ร้านสเต็กที่ปรุงเนื้อระดับพรีเมี่ยมบนเตาถ่าน และ “Fish Club” ร้านอาหารทะเลสดใหม่ คัดสรรมาอย่างดี ย่างด้วยกาบมะพร้าว ฝีมือเชฟชั้นเลิศที่เลือกสรรวัตถุดิบและเครื่องเทศธรรมชาติ รวมถึงสมุนไพรท้องถิ่นที่ส่งตรงจากแปลงสวนผักปลอดสารพิษในรีสอร์ต และสามารถมานั่งพักและเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มได้ที่ “Teak Lounge” และเรือนไทยไม้สัก 2 ชั้น ที่ถูกปรับให้เป็น “เรือนน้ำชา” (Teahouse) ซึ่งมีที่นั่งทั้งโซนในร่มและกลางแจ้ง รองรับการจัดงานเลี้ยงขนาดย่อม ส่วนงานเลี้ยงขนาดใหญ่สามารถจัดได้ที่ “Garden Pavilion” ขนาด 300 ตารางเมตร รับแสงธรมชาติด้วยกระจกบานสูงจากพื้นจรดเพดาน พร้อมพื้นที่ส่วนหน้า ระเบียงต้อนรับภายนอก ข่าวธุรกิจ และครัวแบบเปิด หรือจะพักผ่อนด้วยการว่ายน้ำ รีสอร์ตแห่งนี้ก็มีสระว่ายน้ำให้เลือกด้วยกัน 3 สระ ได้แก่ “Lap Pool” ที่เงียบสงบ สระสำหรับครอบครัวใกล้กับ Kids’ Club และสระว่ายน้ำ Infinity Pool เหมาะสำหรับปาร์ตี้ค็อกเทลชมพระอาทิตย์ตก นอกจากนี้ ยังมี “Panpuri Spa” สวรรค์อันแสนสงบสุดหรู มอบประสบการณ์ทรีตเมนต์ผ่อนคลายด้วยผลิตภัณฑ์สกินแคร์ออร์แกนิก รวมถึงห้องโยคะ ฟิตเนสที่ใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ TechnoGym

ราคาทองวันนี้ ปิดร่วง 100 บาท ต่างประเทศ”นิ่ง” แต่บาทแข็งค่าซื้อทองถูก

วันนี้ซื้อทองคำถูกกว่าเมื่อวานนี้ 50 บาท ตอนที่ราคาทองในต่างชาติได้แรงหนุนจากดอลลาร์อ่อน บอนด์ยีลด์สหรัฐลง

ธุรกิจ24-10-65

สมาคมค้าทองวันนี้ เปิดตลาดตก 100 บาท จากวันก่อน ในตอนที่ ราคาทอง Spot เมื่อวานนี้ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาปรับนิสัยขึ้นในระดับสูงสุดในรอบ 2 อาทิตย์ แต่ว่าค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ทองในประเทศราคาไม่แพงลงเมื่อซื้อด้วยเงินบาท

  • ทองแท่ง รับซื้อคืน 29,650.00 บาท/บาททอง แล้วก็ขายออก 29,750.00 บาท/บาททอง
  • ทองคำรูปพรรณ รับซื้อคืน 29,122.36 บาท/บาททอง รวมทั้งขายออก 30,250.00 บาท/บาททอง

ทองในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 1,664.50 ดอลลาร์/ออนซ์ แล้วก็ค่าเงินบาท 37.73 บาท/ดอลลาร์

ราคาทองใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 อาทิตย์ ได้ต้นเหตุหนุนจากการคาดคะเนธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะชะลอการขึ้นดอกในสิ้นปี โดยทองตลาดสปอตเปลี่ยนน้อย อยู่ที่ 1,663.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ระหว่างที่ทองฟิวเจอร์ น้อยลง 0.2% เคลื่อนที่ 1,666.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ดรรชนีค่าเงินดอลลาร์ ใกล้ระดับที่ถือว่าต่ำสุดเมื่อวันที่ 20 กันยายน โดยทองแข่งขันกับเงินดอลลาร์สำหรับการเป็นทรัพย์สินไม่เป็นอันตราย ฉะนั้น เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากการเทขายสินค้านักลงทุน ทำให้เงินไหลเข้าทองถ้าปรารถนาลงทุนทรัพย์สินไม่เป็นอันตราย เทรดเดอร์พูดว่าจำเป็นต้องจับตาราคาทอง ถ้ายืนที่ระดับ 1,680-1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ บางทีอาจจะกลับไปสู่ขาขึ้น โดยจำต้องผ่านระดับ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ก็จะเป็นขาขึ้นแจ่มแจ้งขึ้น ดังนี้ ตลาดคาดว่าเฟดจะขึ้นดอก 0.75% สำหรับการสัมมนาอาทิตย์หน้า รวมทั้งสำหรับในการสัมมนาเดือนเดือนธันวาคมบางทีก็อาจจะชะลอขึ้นดอก